" ความชื้นก่อโรค "

โดย คลินิกหัวเฉียวฯ แพทย์แผนจีน Huachiew TCM Clinic

ความชื้นก่อโรค คือ กลไกการก่อโรค ชนิดหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นจากความชื้นที่สะสมอยู่ในร่างกายมนุษย์จนถึงจุดที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถต้านทานได้จนก่อให้เกิดโรค ความชื้นก่อโรคนี้ถือเป็นหยินในร่างกาย มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่มีความหนักหน่วง เหนียวยึดเกาะสิ่งต่างๆ มีทิศทางการเคลื่อนไหวลงล่าง เป็นจุดเด่น ซึ่งชอบทำลายม้ามในร่างกายมนุษย์ในช่วงต่อระหว่างฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ผลิมักจะก่อให้เกิดความชื้นได้ง่าย โรคที่เกิดจากความชื้นสังเกตได้จากการที่มักจะมีความรู้สึกหนักหน่วง ที่พบบ่อยคือเป็นไข้หวัดแบบร้อนชื้นในทางแพทย์จีน ซึ่งผู้ป่วยนอกจากอาการของไข้หวัดแล้ว ยังมีอาการเวียนศีรษะ แขนขาหนัก เป็นต้น อีกทั้งลักษณะเหนียวยึดเกาะ ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดการติดขัดในระบบต่างๆ ของร่างกาย อีกทั้งยังทำให้เกิดโรคเรื้อรัง รักษาหายช้า ที่พบบ่อยคือ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ที่เป็นๆ หายๆ รักษาให้หายขาดยาก รวมถึงลักษณะมีทิศทางการเคลื่อนไหวลงล่าง ซึ่งมักพบในบริเวณส่วนล่างของร่างกาย เช่น แผลผิวหนังอักเสบ บวมน้ำ โรคบริเวณช่วงล่างขาต่างๆ เป็นต้น

ความชื้นก่อโรค สามารถแบ่งประเภทเป็น

1.ความชื้นภายนอก : คือความชื้นที่เข้ามาเข้ากระทบจากภายนอก เช่น ที่อยู่อาศัยอับชื้น สภาพอากาศชื้น ผู้หญิงที่ใกล้ช่วงมีประจำเดือน แล้วถูกฝนหรืออากาศเย็นกระทบ เหมือนที่แพทย์จีนเรียกว่า ได้รับความเย็นกระทบร่างกาย หรือหลังคลอดบุตร ร่างกายอ่อนแอ มดลูกไม่แข็งแรง ไม่ดูแลเรื่องสุขอนามัย จะทำให้ความชื้นเหล่านี้เกิดการสะสมที่มดลูกได้ง่าย จนเกิดเป็นพิษจากความชื้นในที่สุด

2. ความชื้นภายใน

2.ความชื้นภายใน : คือความชื้นที่ร่างกายของเราสร้างขึ้นมาเอง การรับประทานอาหารต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ในทางแพทย์แผนจีน อวัยวะม้ามจะเป็นตัวขับเคลื่อนสารอาหารที่ได้รับ เพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากร่างกายมีภาวะม้ามพร่อง ไม่สามารถลำเลียงสารต่างๆ ได้ ก็จะทำให้สารอาหารเหล่านั้นตกค้างจนกลายเป็นความชื้นในที่สุด อวัยวะไตก็มีส่วนช่วยในการขับน้ำปัสสาวะเช่นกัน ซึ่งหลักกลไกทางการแพทย์จีนคือ อาศัยหยางของไตในการขับเคลื่อน หากหยางของอวัยวะไตไม่พอ ก็จะทำให้น้ำคั่งค้างในร่างกายเกิดเป็นความชื้นได้เช่นกันเมื่อสั่งสมเป็นเวลานาน ความชื้นนี้มีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นความร้อน จนกลายเป็นภาวะร้อนชื้นในที่สุด

ลักษณะอาการที่บ่งบอกว่าตัวเรามีความชื้นสะสม

1. ในขณะตื่นนอนตอนเช้าทุกวัน หากท่านรู้สึกอ่อนเพลีย มีอาการมึนงง รู้สึกไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า หรือมีความรู้สึกเหมือนสวมเสื้อที่เปียกฝนมา ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ไม่มีความยืดหยุ่น แสดงว่าท่านมีความชื้นสะสมอยู่ในร่างกายแน่นอน

2. หากช่วงไหนที่ท่านเข้าห้องน้ำถ่ายอุจจาระ ให้ลองสังเกตอุจจาระของท่านสักนิดว่าลักษณะของมันเหนียวจนติดชักโครกหรือไม่หากกดน้ำครั้งแรกแล้วยังติดอยู่ที่ตัวชักโครก หรือเมื่อใช้กระดาษชำระทำความสะอาดแล้วต้องใช้จำนวนมากเป็นพิเศษก็อาจบ่งบอกได้ว่าท่านมีความชื้นสะสมอยู่

3. หลังจากทำความสะอาดช่องปากแล้ว ให้ลองสังเกตดูลิ้นของท่านสักนิด ทางการแพทย์แผนจีนกล่าวว่า “ลิ้นถือเป็นการตรวจดูหัวใจอย่างหนึ่ง และยังตรวจถึงสภาพม้ามได้อีกด้วย” หากท่านมองเห็นลิ้นของท่านเป็นฝ้าหนาๆ เกาะบริเวณลิ้น ออกสีเหลืองและเหนียวเหมือนน้ำมัน แสดงว่าร่างกายของท่านมีความร้อนชื้นสะสมอยู่

4. ลองสังเกตว่าขณะแปรงฟันมีอาการคลื่นไส้หรือไม่

5. หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ที่ขาและบริเวณท้องมีอาการรู้สึกปวดเมื่อย หน่วงๆ หรือไม่

ฤดูร้อนฝนล้วนแต่ทำให้เกิดโรคที่มีแนวโน้มจะเป็นได้ง่าย เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคไข้หวัดเป็นๆ หายๆโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งในช่วงฤดูกาลนี้การเสริมสร้างบำรุงม้ามให้แข็งแรงถือเป็นวิธีที่สำคัญที่สุด ในช่วงที่มีความร้อนและฝนตกเกิดขึ้น จะมีเรื่องของอุณหภูมิที่สูงและมีความชื้นเกิดขึ้นพร้อมกัน คนทั่วไปชอบเปิดเครื่องปรับอากาศ ลักษณะนี้จะทำให้เกิดเป็นโรคไข้หวัดได้ง่าย จะมีไข้ เจ็บคอ ไม่อยากอาหาร เป็นต้น ในวัยเด็กอาจโดนความเย็นกระทบหรือท้องเสียได้ง่าย เป็นต้น