6 วิธีการเลือกซื้อเครื่องลดความชื้น

6 วิธีเลือกซื้อเครื่องลดความชื้น

วิธีการ ใช้เครื่องลดความชื้น เครื่องลดความชื้นมีไว้ใช้ควบคุมปริมาณความชื้นในอากาศของพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง มีทั้งแบบเคลื่อนย้ายได้สะดวกและแบบติดตั้งถาวร เครื่องดูดความชื้นช่วยลดค่าความชื้นสัมพัทธ์ในบ้านคุณ ลดอาการแพ้ และปัญหาทางเดินหายใจอื่นๆ ทำให้บ้านอยู่สบายขึ้นโดยรวม

1. ควรเลือกจากขนาดเครื่องลดความชื้นโดยพิจารณาจากพื้นที่ห้องเป็นตารางเมตร

ต้องใช้เครื่องลดความชื้นขนาดใด ก็ขึ้นอยู่กับความกว้างและพื้นที่ใช้งานของห้องที่จะติดตั้ง ให้เลือกห้องหลักที่จะติดตั้งเครื่องดูดความชื้น แล้ววัดพื้นที่ห้องเป็นตารางเมตร จากนั้นเอาไปอ้างอิงเลือกเครื่องดูดความชื้นในขนาดที่เหมาะสมอีกที

2. เลือกจากปริมาณความสามารถในการลดความชื้นของเครื่องลดความชื้นที่เหมาะสม

นอกจากเลือกเครื่องลดความชื้นตามขนาดห้องแล้ว ยังต้องคำนึงถึงระดับความชื้นภายในห้องนั้นด้วย โดยวัดเป็นปริมาณค่าความชื้นสัมพัทธ์ (%RH) ของน้ำที่ได้จากบรรยากาศในห้องนั้น ภายใน 24 ชั่วโมง ผลที่ได้จะเป็นตัวกำหนดว่าห้องนั้นมีค่าความชื้นเท่าไหร่
เช่น ถ้าห้องขนาดประมาณ 45 ตรม. มีกลิ่นอับชื้น อากาศชื้นแฉะ ก็ต้องใช้เครื่องลดความชื้นขนาดประมาณ (ประมาณ 19 – 21 ลิตร)
เครื่องลดความชื้นสามารถจุน้ำได้ถึง(ประมาณ 20 ลิตร) ด้วยกันใน 24 ชั่วโมง ในห้องกว้างได้มากถึง 230 ตรม.

3. หากห้องมีขนาดใหญ่ หรือมีชั้นใต้ดิน ควรเลือกเครื่องลดความชื้นที่มีกำลังลดสูง และเลือกแบบมีปั๊มน้ำ

ถ้าใช้เครื่องลดความชื้นที่มีขนาดใหญ่หน่อย ก็จะช่วยดูดความชื้นในห้องได้รวดเร็วทันใจกว่า แถมคุณยังไม่ต้องคอยเทน้ำในเครื่องทิ้งบ่อยๆ ด้วย แต่ก็แน่นอนว่ายิ่งเครื่องใหญ่ ราคาก็ยิ่งแพง แถมกินไฟมากกว่า ค่าใช้จ่ายโดยรวมจะสูงขึ้นแน่นอน แต่ระยะยาวคุ้มแน่นอนค่ะ และหากบ้านของคุณมีชั้นใต้ดิน การเลือกเครื่องลดความชื้นแบบมีปั๊มน้ำ ก็จะช่วยให้การระบายน้ำทิ้งจากชั้นล่างขึ้นสู่ชั้นบนได้ง่ายขึ้น และไม่เป็นภาระเครื่องจนเกินไป.

4. ให้เลือกใช้เครื่องลดความชื้นแบบพิเศษ สำหรับพื้นที่เฉพาะ

ถ้าจะติดตั้งเครื่องลดความชื้นในห้องสปา สระว่ายน้ำในร่ม โกดังสินค้า หรืออื่นๆ ก็ต้องเลือกเครื่องลดความชื้นสำหรับสถานที่นั้นโดยเฉพาะ หากเป็นห้องที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติก็ควรเลือกเครื่องลดความชื้นที่สามารถทำงานในอุณหภูมิต่ำได้ หากเป็นห้องที่มีความอัตรายสูงก็ควรเลือกเครื่องที่มีระบบป้องกันการเกิดระเบิดมาด้วย หรือจะลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบเครื่องลดความชื้นดูว่าถ้าคุณมีสถานที่แบบนี้ พื้นที่ประมาณขนาดนี้ ควรใช้เครื่องลดความชื้นประเภทไหนต่อไปค่ะ

5. การใช้เครื่องลดแบบพกพา หรือมีล้อแบบเคลื่อนย้ายได้

ถ้ารู้แต่เนิ่นๆ ว่าจำเป็นต้องย้ายเครื่องลดความชื้นไปมาตามห้องต่างๆ เป็นประจำ แนะนำให้ซื้อเครื่องลดความชื้นแบบพกพา หรือแบบมีล้อ เพราะโดยส่วนมากเครื่องลดความชื้นลักษณะนี้จะมีล้อที่ฐาน หรือเป็นเครื่องที่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก แถมอีกข้อดีของเครื่องดูดความชื้นแบบพกพา คือคุณสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเครื่องภายในห้องเดียวกันได้ด้วย

• ถ้าต้องใช้เครื่องดูดความชื้นในหลายๆ ห้องของบ้าน แนะนำให้ใช้เครื่องดูดความชื้นที่ต่อท่อเก็บใต้ฝ้า หรือเครื่องลดความชื้นแบบแขวนฝ้า เรียกว่า Ceiling dehumidifier หรือเรียกว่าระบบ HVAC แทนการซื้อเครื่องลดความชื้นประจำไว้แต่ละห้อง

6. เลือกซื้อเครื่องลดความชื้นจากคุณสมบัติที่ต้องการ

เครื่องลดความชื้นรุ่นใหม่สมัยนี้ มีหลายฟีเจอร์และ settings ให้เลือกสรร เครื่องยิ่งแพงก็ยิ่งมีหลายตัวเลือกในการใช้งาน แต่ฟีเจอร์หลักๆ ที่พบบ่อยก็เช่น

• Adjustable Humidistat : เป็นฟีเจอร์สำหรับควบคุมระดับความชื้นในห้อง คุณตั้ง humidistat หรือค่าความชื้นของห้องได้ตามระดับความชื้นสัมพัทธ์ที่ต้องการ พอถึงระดับที่ต้องการแล้ว เครื่องจะตัดการทำงานเองอัตโนมัติ
• Carbon Filter : เป็นแผ่นกรองที่เรียกว่า คาร์บอนฟิลเตอร์ ที่ใช้สำหรับกรองกลิ่นอับ กลิ่นไม่พึ่งประสงค์ กลิ่นควัน กลิ่นบุหรี่ฯ
• HEPA Filter : เป็นแผ่นกรองที่เรียกว่า เฮป้า ฟิลเตอร์ ที่ใช้สำหรับกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่นพวกฝุ่น PM10 , PM2.5 หรือฝุ่นที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ซึ่งจะช่วยดักจับฝุ่นละอองPM ได้ถึง 99.97%
• Automatic Shut Off : เครื่องลดความชื้นส่วนใหญ่จะตัดเองอัตโนมัติเวลาปรับระดับความชื้นในห้องได้ตามต้องการแล้ว หรือเมื่อถังบรรจุน้ำของเครื่องเต็ม
• Automatic Defrost : ถ้าเครื่องลดความชื้นทำงานหนักเกินไป น้ำแข็งจะเกาะที่คอยล์ของเครื่องได้ เป็นอันตรายต่อชิ้นส่วนต่างๆ ข้างใน ถ้ามีตัวเลือก automatic defrost หรือละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ จะช่วยให้พัดลมในเครื่องทำงาน ละลายน้ำแข็งให้คุณเอง