บริษัท เอ็ม ดี ชิสเต็ม คอนโทรล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด
MD เราคือผู้นำด้านระบบควบคุมคุณภาพอากาศ จำหน่าย ติดตั้งเครื่องลดความชื้น โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ กว่า 17 ปี
เริ่มต้นจากคำว่า ‘HEPA’ ก่อนเลย โดยมันถูกย่อมาจากคำว่า High Efficiency Particulate Air ที่หมายถึงประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นที่สูงกว่าแบบปกตินั่นเองและเมื่อมันมาอยู่ในแผ่นกรองอากาศ (Filter) ก็จะเท่ากับความสามารถในการดักจับฝุ่นที่มากขึ้น และละเอียดขึ้น โดย HEPA Filter สามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็ก 0.3 ไมครอน (เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 ซะอีก) ได้อย่างน้อย 99.97 % ด้วยวัสดุที่ทำจากเทคโนโลยีเส้นใยขั้นสูง ทำให้มั่นใจได้ว่าฝุ่นที่มีขนาดเล็กมากๆ รวมไปถึงสิ่งสกปรกอื่นๆ เช่น ละอองเกสร ควัน หรือแม้แต่แบคทีเรียและเชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศ ก็จะถูกดักจับไว้นั่นเอง
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่สามารถดักจับสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนไม่ได้ เพราะคุณสมบัติที่กล่าวนั้นเป็นเพียงเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการใช้คำว่า HEPA เท่านั้น ปัจจุบันก็มี HEPA Filter หลายเกรด ซึ่งบางเกรดก็สามารถกรองสิ่งสกปรกได้เล็กกว่านั้น ความแตกต่างของแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter แต่ละเกรดคุณสามารถสังเกตุได้อย่างง่ายดาย ด้วยการดูที่ตัวเลขที่ตามหลังตัวอักษร “H” โดยยิ่งตัวเลขที่ตามหลังจำนวนสูง คุณสมบัติในการกรองยิ่งสูงขึ้นตาม
• HEPA H14 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไป “0.005 %”
• HEPA H13 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไป “0.05 %”
• HEPA H12 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไปมากกว่า “0.5 %”
• HEPA H11 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านได้สูงสุด “5 %”
• HEPA H10 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไปมากกว่า “15 %”
จะเห็นได้ว่ายิ่งเป็นแผ่นกรองที่มีเกรดสูงมากเท่าไหร่ ความละเอียดในการกรองก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหากคุณต้องการปลอดภัยจากอันตรายของฝุ่นจิ๋ว การเลือกแผ่นกรองอากาศ HEPA เกรดสูง (H13-H14) ก็จะถือว่าตอบโจทย์ที่สุดครับ
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ใช้ เครื่องลดความชื้นที่มีตัวกำจัดค่าPM2.5 อย่างเจ้า LUKO BIONIC แล้วเนี่ย ถ้าต้องการอัพเกรดแผ่นกรองอากาศภายในตัวเครื่อง ก็สามารถติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
ข้อดีหลักๆ ของมันคือ มันเป็นตัวช่วยในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ในบริเวณที่มีการใช้งาน ด้วยการลดจำนวนสิ่งสกปรกและสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้คุณและคนในครอบครัวห่างไกลจากอันตรายและโรคร้ายที่จะตามมาจากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ หรือโรคร้ายต่างๆในระบบทางเดินหายใจ (เช่น มะเร็ง)
ปัจจุบัน HEPA Filter ก็ได้ถูกนำมาใช้ในหลากหลายวงการ โดยนอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแล้ว ก็ยังอยู่ในแวดวงอื่นๆด้วย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องบิน รวมไปถึงวงการแพทย์ ซึ่งล้วนแต่เลือกใช้มันเพื่อแลกกับอากาศที่บริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อโรค
ในการตอบคำถามนี้ คุณอาจจะต้องเริ่มหันไปมองรอบตัวของคุณก่อนว่า คุณหรือคนในครอบครัวของคุณมีใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจหรือไม่ เช่น อาจจะมีใครในครอบครัวที่มีโรคประจำตัวเป็น โรคภูมิแพ้ หรือโรคหอบหืดถ้ามี แน่นอนว่าคุณก็ควรที่จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น เครื่องลดความชื้นที่มีระบบกำจัด PM2.5 เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศ ที่มาพร้อมกับแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter เพื่อช่วยให้อากาศภายในบ้านของคุณปลอดภัยกับคนในครอบครัวมากที่สุดนั่นเอง แต่ถึงคุณหรือคนในครอบครัวจะไม่ได้มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ การใช้มันก็จะให้ประโยชน์เมื่อคุณเลี้ยงสัตว์ที่มีขนไว้ในบ้านมีสมาชิกในครอบครัวสูบบุหรี่เป็นประจำคุณอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีละอองเกสรดอกไม้เยอะ
ในบ้านของคุณเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่กักเก็บฝุ่นและสิ่งสกปรก เช่น พรม
ถ้าให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็ต้องอธิบายให้เห็นภาพใหญ่ก่อน คือเมื่อมีอากาศที่กำลังจะผ่านแผ่นกรองไป เส้นใยทำผสานกันอย่างหนาแน่นก็จำทำหน้าที่เป็นเหมือนกำแพงหลายๆ ด่าน เพื่อไม่ให้สิ่งที่ปนเปื้อนมากับอากาศหลุดรอดไปนั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของสิ่งสกปรกที่ปกเปื้อนมากับอากาศด้วย เพราะมันก็จะถูกดักจับในวิธีที่ต่างกัน 4 รูปแบบ
เป็นวิธีที่สิ่งสกปรกขนาดใหญ่ เช่น ฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือเชื้อราบางชนิด ลอยมาชนและติดเข้ากับเส้นใยของแผ่นกรองโดยตรง
ในกรณีที่สิ่งสกปรกเหล่านั้นไม่ได้มาชนเส้นใยโดยตรง แต่ด้วยความหนาแน่นของเส้นใยในแผ่นกรอง ทำให้ช่องว่างระหว่างเส้นต่อเส้นมีน้อย ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ลอยมาชนก็จะไม่สามารถผ่านช่องว่างนั้นไปได้อยู่ดี
กลไกการสกัดกั้นคือ เมื่อฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กเคลื่อนไปตามการไหลเวียนของอากาศที่รวดเร็ว ก็อาจจะทำให้มันสามารถเคลื่อนไหวอ้อมเส้นใยด่านแรกๆ ไปได้ แต่ด้วยความหนาแน่นของเส้นใย และแรงเฉื่อย สุดท้ายสิ่งสกปรกขนาดเล็กเหล่านั้นก็จะติดกับด้านข้างของเส้นใยอย่างในรูปในที่สุด
ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กมาก (เช่น ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน) มักจะมีเส้นทางการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นทิศไม่เป็นทาง ทำให้พวกมันมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปชนกับและติดกับเส้นใยด้วยตัวเอง
• เชื้อราเส้นสายเป็นเชื้อราสายพันธุ์หนึ่งของอาณาจักรเชื้อรา ส่วนใหญ่มักพบเห็นตามผนังกำแพง, เฟอร์นิเจอร์, ที่อับชื้น
• อาหารของเชื้อราคือ สารอินทรีย์ ไนโตรเจน และสภาพอากาศที่อุ่นและชื้น
• เชื้อราขยายอาณาจักรด้วยการสร้างสปอร์เชื้อราและลอยไปตามอากาศเพื่อหาแหล่งขยายพันธ์ที่ใหม่ตลอดเวลา
• เชื้อราชนิดที่เป็นพิษ จะปล่อยสารพิษที่เรียกว่า Mycotoxin ออกมาซึ่งมีผลกระทบด้านสุขภาพสำหรับกลุ่มเสี่ยง
• กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้เชื้อราคือ เด็กอ่อน, เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีปัญหาด้านภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น ผู้กำลังผ่านเคมีบำบัด, ผู้กำลังปลูกถ่ายเนื้อเยื้อและกระดูก, ผู้ป่วยโรคเอดส์
• วิธีรักษาอาการแพ้เชื้อรานี้ที่ดีที่สุดคือการ ตรวจสอบหาแหล่งกำเนิดความชื้นและเชื้อราและรีบกำจัดออกไปโดยเร็วที่สุด
• การดูแลทำความสะอาดทุกครั้งต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง
ทีนี้เราลองมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter กับแผ่นกรองอากาศแบบทั่วไปกันบ้าง และเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ เราจึงทำเป็นรูปแบบตารางแบบด้านล่างนี้
เป็นชื่อย่อมาจาก Minimum Efficiency Reporting Value คือสิ่งที่เอาไว้ให้คะแนนความสามารถในการกรองอนุภาคของตัวกรองต่างๆ ในอากาศ โดยมีคะแนนตั้งแต่ 1- 16 ซึ่งถูกพัฒนามาโดยสมาคมวิศวกรเครื่องทำความร้อน ตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศของอเมริกา ASHRAE (American Society of Heating, Refrigeration and Air Conditioner Engineers )
โดยปกติแล้วแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter จะมีอายุการใช้งานประมาณ 4-5 ปี แต่ในความเป็นจริง ถ้าคุณมีการใช้งานมันเป็นประจำทุกวัน ก็ควรหมั่นทำความสะอาด หรืออาจจะต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ในการทำความสะอาด เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter มักจะทำมาจากวัสดุไฟเบอร์กลาส (Fibeglass)
ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการซักล้างและใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ เพราะมันอาจจะทำลายเส้นใยของแผ่นกรองได้ แต่คุณสามารถทำความสะอาดได้โดยการใช้แปรงปัดฝุ่นที่อยู่ตามร่อง และเคาะเบาๆให้ฝุ่นหลุดออกมาจากแผ่นกรอง
ทั้งนี้ ถ้าคุณเห็นว่าแผ่นกรองอากาศเริ่มดำจนแทบจะไม่มีพื้นที่ที่เป็นสีขาวแล้ว ก็ควรที่จะเปลี่ยน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วคนส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนทุก 1-2 ปี
สุดท้ายแล้ว คำตอบของคำถามนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า คุณจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ได้กล่าวไปด้านบนเพื่อคุณภาพชีวิตและการเป็นอยู่ที่ดีของคนในบ้านมากน้อยแค่ไหนครับ