• ปัญหาที่เกิดจากความชื้นและอุณหภูมิ
สิ่งแวดล้อมมีบทบาทสำคัญมากที่สุดต่อการชำรุดเสื่อมสภาพของโบราณสถานและโบราณวัตถุ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ยาก น้ำฝน ความชื้น ความร้อน แสงสว่าง ก๊าซต่าง ๆ ในบรรยากาศ ฝุ่นละออง เกลือ พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ล้วนมีบทบาทสำคัญที่ทำให้โบราณสถานและโบราณวัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลง
น้ำฝน และ ความชื้นมีบทบาทสำคัญและก่อให้เกิดการชำรุดเสื่อมสภาพได้รุนแรงที่สุด เช่น อาจละลายองค์ประกอบบางส่วนของโบราณสถานโบราณวัตถุ หรืออาจรวมกับดิน ฝุ่นละอองก๊าซต่าง ๆ ในบรรยากาศ รวมทั้งวัสุดที่เป็นองค์ประกอบของโบราณสถานโบราณวัตถุเอง แล้วกลายเป็นสารละลายของกรด ด่าง หรือ เกลือ ซึ่งเข้าทำปฏิกิริยากับโบราณสถาน โบราณวัตถุแล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การเป็น สนิม และการ สึกกร่อนของโลหะชนิดต่าง ๆ การสึกกร่อนของหิน อิฐ ปูน ฯลฯ
ฝุ่นละอองและอนุภาคที่แขวนลอยอยู่ในบรรยากาศก่อให้เกิดความเสื่อมสภาพได้หลายรูปแบบ ในที่ที่มีลมแรง ฝุ่นละอองที่ปลิวมากับลมอาจแข็งพอที่จะขัดสีผิวของวัตถุให้สึกกร่อนลงไปเรื่อย ๆ
โดยปกติวัสดุต่าง ๆ มีความสามารถในการดูดและคายความชื้นแตกต่างกันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบและโครงสร้างของวัตถุแต่ละชนิด ระดับความชื้นจึงมีผลอย่างมากต่อการ “คงสภาพ” หรือ “เสื่อมสภาพ” ของวัตถุ เช่น อินทรียวัตถุมีความสามารถในการดูดและคายความชื้นได้ดี หากเก็บรักษาในที่ที่มีความชื้นสูงเกินไป วัตถุจะดูดความชื้นจากบรรยากาศแล้วขยายตัวหรือบวมพองตัวขึ้น ในขณะเดียวกันระดับความชื้นที่สูงเกินไปจะทำให้วัตถุอ่อนนุ่ม ขาดความเหนียว ฉีกขาดหรือแตกหักง่าย และยังเป็นแหล่งอาหารหรือที่อยู่อาศัยของแมลงและจุลินทรีย์อีกด้วย
ความชื้นที่แปรเปลี่ยนขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลา ทำให้วัตถุหลายชนิดมีการหดตัวและขยายตัวสลับกันไปเรื่อย ๆ นาน ๆ เข้าวัตถุจะเกิดการแตกร้าว โก่งงอ บิดเบี้ยว หรือกะเทาะแยกหลุดออกจากกันได้