การปลูกให้ได้ระดับ Top shelf รายละเอียดการปลูกกัญชาที่สามารถดึงประสิทธิภาพกัญชาออกมาได้สูงสุด ในการปลูกกัญชาสามารถปลูกกัญชาได้หลากหลายประเภท เช้น ปลูกกลางแจ้ง (Outdoor) การปลูกในร่ม (Indoor) การปลูกโดยใช้น้ำ (Hydoponics) วิธีการในการปลูกกัญชาให้ได้ดอก TOP SHRLF คือการปลูกในพื้นที่ ที่ควบคุมความชื้น ควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงการควบคุมแสงไฟ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยในการปลูกกัญชาในร่มที่ต้องคำนึงถึงอยู่อีกมาก
![](https://dehum-mdthai.com/wp-content/uploads/2022/09/298545359_1512463545879629_7895314924540484812_n.jpg)
1.ใช้เมล็ดพันธุ์กัญชาที่ดี
การเลือกซื้อเมล็ดพันธุ์กัญชาเพศเมียที่ดี โดยเลือกจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือ การใช้เมล็ดพันธุ์ที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ในส่วนเทคนิคในการปลูก กาควบคุมความชื้น หรือปัจจัยอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับนักปลูกเองที่จะดึงประสิทธิภาพดอกกัญชาออกมาได้สุงสุดหรือไม่ เพราะนักปลูกนั้นไม่สามารถเอาชนะพันธุ์กรรมของเมล้ดกาแฟได้
![](https://dehum-mdthai.com/wp-content/uploads/2022/09/292113401_1427016431043918_2642297214837516944_n.jpg)
2.ปลูกในที่ร่ม (Indoor)
การที่จะทำให้ได้ดอกในระดับTop Shelf นั้นจะต้องปลูกกัญชาในที่ร่ม ใช้ไฟในการปลูกที่คุณภาพดี ให้ไฟสำหรับการปลูกกัญชาอย่างเหมาะสมตามช่วงวัย ควรที่จะคำนึงถึงอัตราพื้นที่การปลูกเพื่อให้แสงไฟส่องถึงได้อย่างเหมาะสม
![](https://dehum-mdthai.com/wp-content/uploads/2022/09/300281481_400802355464772_4500266641254611225_n.jpg)
3.การให้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม
การเร่งการเจริญเติบโตได้ดีที่สุดนอกจากการให้แสงไฟคุณภาพสูงอย่างเหมาะสมแล้วอีกปัจจัยที่ควรนึกถึงคือการให้ปุ๋ยอย่างเหมาะสมตามช่วงวัย ปุ๋ยหลักที่ควรใช้คือการใช้ปุ๋ยที่มีสารอาหาร N P K หรือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพเเทสเซียม ให้ครบถ้วน
ไนโตรเจน กัญชาต้องการไนโตรเจนจำนวนมากให้เจริญเติบโตในช่วงการทำใบ ฟอสฟอรัส มีความจำเป็นมากในการสร้างดอกระดับ Top Shelf เพราะเป็นสารอาหารสำคัญที่พืชต้องการในช่วงเวลาในการทำดอก
โพแทสเซียม เป็นสารอาหารที่มักจะโดนมองข้ามในการทำดอก โพแทสเซียมสำคัญเหมือนกันในช่วงเวลาการทำดอกมีส่วนช่วยในการเพิ่มขนาดดดอกกัญชาใหญ่ขึ้นและหนาแน่นขึ้นอีกด้วย
และการให้วิตามินและอาหารเสริมนอกเหนือจากสารอาหารหลักที่เป็นปุ๋ยก็มีความจำเป็นเช่นกัน เพราะมีส่วนช่วยให้ต้นกัญชาแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และ ทนต่อโรค พืช และ แมลง
![](https://dehum-mdthai.com/wp-content/uploads/2022/09/300373504_804639274026274_2512255624722731004_n.jpg)
4.การควบคุมความชื้นและอุณหภูมิ
ต้องควบคุมและจัดการความชื้นและอุณหภูมิกลางวันอยู่ที่ประมาณ 18-26 องศาเซลเซียสหากคุณใช้ CO2 นักปลูกส่วนใหญ่แนะนำให้คุณลดอุณหภูมิลงลงเหลือ 18-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิกลางคืนควรอยู่ที่ประมาณ 20-24 องศาเซลเซียส หากคุณปลูกกัญชาสายพันธุ์ทีมีสีสันที่แปลกใหม่ การที่จะทำให้พืชกัญชานั้นแสดงสีของมันเองอย่างแท้จริง อุณหภูมิในตอนกลางคืนจะต้องลดลงอีก 2-3 องศาเซลเซียส
ความชื้นที่เหมาะสมในการปลูกกัญชา ช่วงเพาะเมล็ด และ โคลนต้น ต้นไม้ชอบความชื้นที่ราว 65-70% เหตุผลเพราะระบบรากยังไม่สมบูรณ์ ความชื้นสูงจะช่วยให้ต้นไม้จะดูดน้ำ กัญชาช่วงทำต้น-ใบ ความชื้นคุมให้ราว 40-70% และควรจะต่ำลงทีละ 5% ในแต่ละสัปดาห์ของการปลูก กัญชาช่วงทำดอก ความชื้นต้องลดลงมาที่ 40-50% ลดความชื้นในอากาศให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามอย่าให้ถึง 55% กัญชาช่วง 1-2 อาทิตย์ก่อนตัดดอก ขั้นตอนนี้ไม่จำเป็นมากนัก แต่ถ้าทำได้ ควรลดความชื้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้เหลือราว 30-40% ได้ยิ่งดี
![](https://dehum-mdthai.com/wp-content/uploads/2022/09/301392537_828310484827209_7378067061030068016_n.jpg)
5.อากาศต้องมีการหมุนเวียน
คุณภาพอากาศซึ่งเป็นส่วนเสริมจากการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น การไหลเวียนของอากาศและการระบายอากาศที่ดีจำเป็นสำหรับพืชกัญชามาก คุณอาจจะต้องใช้พัดลม 2 ตัวในการปลูกพืช 2-3 ต้น
![](https://dehum-mdthai.com/wp-content/uploads/2022/09/300258405_463680752341291_1527543722748605853_n.jpg)
6.เก็บเกี่ยวดอกในช่วงที่ถูกต้อง
การเก็บเกี่ยวกัญชาเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ หากเก็บเกี่ยวในช่วงที่ไตรโคม (Trichomes) สีใสจะได้รับสารต่างๆที่มีอยู่ในไตรโคมไม่เต็มที่เป็นระยะที่ไม่ควรเก็บเกี่ยว หรือถ้าเก็บเกี่ยวตอนที่ไตรโคมมีสีอำพัน (Amber) ทั้งหมด ไตรโคมจะแก่เกินไป วิธีการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมคือ เมื่อเราเห็นไตรโคมเปลี่ยนเป็นสีขุ่น 80%+ ก็เริ่มฟรัชด้วยน้ำเปล่าที่ปรับ pH ประมาณ 1-2 สัปดาห์ จนกว่าจะได้ปริมาณไตรโคมสีชาที่พอใจ หลังจากนั้นเก็บเกี่ยวได้เลย
![](https://dehum-mdthai.com/wp-content/uploads/2022/09/296112008_638928990892234_7025667229890616452_n.jpg)
7.ตากแห้งดอกหลังจากการเก็บเกี่ยว
ารตากแห้งก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่แพ้กัน ควรที่จะตัดเเต่งบางส่วนให้เรียบร้อยแล้วตากแห้งอย่างช้าๆ โดยการคว่ำต้นลงในตอที่แขวนเพื่อการตาก ในอุณหภูมิห้อง มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกและสะอาดปล่อยให้แห้งอย่างช้าๆ 5-10 วัน การทำให้ต้นกัญชาแห้งเกินไปจะส่งผลให้กลิ่น Terpenes ของกัญชาหายไปและจะมีกลิ่นเหมือนหญ้าสด วิธีการที่จะทำให้ต้นกัญชาไม่แห้งเร็วเกินไปคือทิ้งก้านไว้ก่อนหลังจากเก็บเกี่ยว ตัดก้านออกเมื่อต้นกัญชาตากแห้งเสร็จแล้วเท่านั้น
![](https://dehum-mdthai.com/wp-content/uploads/2022/09/295650260_803658647489833_8449060569264056497_n.jpg)
8.บ่มอย่างเหมาะสมเพิ่มรสชาติและกลิ่น
หลังจากการต้นกัญชาตากแห้งเสร็จแล้ว แต่ก่อนจะนำกัญชาไปบ่มควรตัดแต่งดอกกัญชาให้เรียบร้อยแล้ว การบ่มดอกกัญชาที่ดีจะช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นของดอกกัญชาให้ชัดยิ่งขึ้น การบ่มกัญชาทำได้โดยการใส่ขวดโหลใช้ซองควบคุมความชื้นด้วยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและป้องกันเชื้อราหลังจากนั้นนำขวดโหลไปเก็บไว้ในที่มืด ใช้ระยะเวลาในกระบวนนี้อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์หรือ 1 เดือน