ช่วงเวลานอนเป็นช่วงที่สำคัญเพราะเป็นช่วงเวลาพักผ่อน ที่เราจะเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันหากความชื้นภายในห้องนอนไม่เหมาะสม หรือไม่สมดุลจะทำให้สุขภาพของเราเเย่ลงในระยะยาว หากความชื้นไม่เหมาะสมจะมีการส่งสัญญาณเตือน จะทำให้เรามีคุณภาพการนอนที่ดี และห่างไกลจากอาการเจ็บป่วยได้

ความชื้นภายในห้องนอนมากเกินไป อาจทำให้สุขภาพเสียได้
ระดับความชื้นภายในห้องนอนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการนอนหลับจะอยู่ที่ 30-50%RH อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นความชื้นภายในห้องไหนๆ ความชื้นก็ไม่ควรเกินที่ 60%RH ไม่เช่นนั้นอาจมีผลกระทบตามมาเช่น
- อาการภูมิเเพ้ต่างๆ (ไอ จาม แสบจมูก )
- เหงื่อออกในตอนกลางคืน
- ผิวหนังเเห้ง
- ตาเเห้ง
- เลือดกำเดาไหล
- เฟอร์นิเจอร์เปลี่ยนรูป
ที่กล่าวมาผลกระทบต่อสุขภาพอาจไม่ได้ร้ายเเรง แต่อาการเหล่านี้อาจะเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายอาจเป็นอุปสรรคในการนอนของงเราได้ อาจจะมีปัญหาตื่นกลางดึก หรือ นอนไม่หลับได้
สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาควบคุมความชื้นภายในห้องนอน
สาเหตุที่ควรลดความชื้นในห้องนอน
- ไอ จาม ผิดปกติ ภูมิเเพ้กำเริบหรือรุ่นเเรงมากยิ่งขึ้น ความชื้นเพิ่มมากขึ้น เชื้อราจะเพิ่มมากขึ้นด้วย
- มีเชื้อราอยู่ตามจุดต่างๆของห้อง
- ในห้องมีกลิ่นอับ
- ผนังบวมมีสีหลุดลอกออกมา
- เฟอร์นิเจอร์ในห้องเริ่มมีอาการบวม

กรณีความชื้นภายในห้องมากเกินไป
1. เลือกใช้เครื่องลดความชื้น
เเก้ไขปัญหาได้แบบตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ปรับความชื้นให้ห้องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และยังลดโอกาสการเกิดเชื้อราเพิ่ม กำจัดเชื้อโรคเเละเเบคทีเรีย และกรองฝุ่นไม่ให้เข้ามาในห้องของคุณ
2. เลือกเครื่องนอนที่ระบายอากาศได้ดี
เครื่องนอนยางพารา เป็นเครื่องนอนที่รักษาความชื้นได้ดี สามารถระบายอากาศในที่นอนได้ ลดการเกิดเเบคทีเรียในตัว ปกป้องคุณจากภูมิเเพ้ภายในห้องนอน
3. ติดตั้งช่องระบายอากาศ
หากรู้ว่าความชื้นภายในห้องเริ่มมากเกินไปควรติดตั้งเครื่องระบายอากาศ หรือพัดลมระบายอากาศ เพิ่มเพื่อไล่ความชื้นให้เร็ว หลังอาบน้ำควรเปิดพัดลมระบายอากาศสัก 15-20 นาที กำจัดความชื้นเเละแบคทีเรีย