อุณหภูมิในห้องเก็บวัตถุดิบมีผลโดยตรงต่อค่า RH เนื่องจากอากาศร้อนมีความสามารถในการกักเก็บไอน้ำสูง ทำให้ RH ลดลง แม้ว่าปริมาณไอน้ำเท่าเดิม ในทางกลับกัน หากอุณหภูมิต่ำเกินไป อากาศจะกักเก็บไอน้ำได้น้อย ค่า RH จึงสูงขึ้นง่าย ส่งผลให้เกิดการควบแน่น (condensation) บนพื้น ผนัง หรือภาชนะเก็บวัตถุดิบ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย

การแก้ไขปัญหาความชื้นและอุณหภูมิในห้องเก็บวัตถุดิบจึงจำเป็นต้องทำอย่างครบวงจร เริ่มจากการออกแบบห้องให้มีฉนวนและระบบระบายอากาศที่เหมาะสม การติดตั้งเครื่องลดความชื้น (Dehumidifier) ช่วยควบคุมค่า RH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมตามมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) สำหรับวัตถุดิบอาหาร เช่น 40–55% RH โดยสามารถปรับได้ตามประเภทวัตถุดิบและสภาพอากาศภายนอก นอกจากนี้ ควรควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ เช่น 18–25°C สำหรับวัตถุดิบทั่วไป และต่ำกว่านี้สำหรับวัตถุดิบเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์นม

เครื่องลดความชื้นเชิงอุตสาหกรรมที่ดีสามารถทำงานต่อเนื่อง ปรับค่า RH แบบอัตโนมัติ และมีระบบฟิลเตอร์เพื่อกรองฝุ่นและสารปนเปื้อนออกจากอากาศ สิ่งนี้ช่วยให้สภาพแวดล้อมในห้องเก็บวัตถุดิบคงที่ ลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมคุณภาพ ลดการเกิดเชื้อรา และรักษามาตรฐานอาหารที่ปลอดภัย

สรุปได้ว่า การควบคุมความชื้นและอุณหภูมิในห้องเก็บวัตถุดิบไม่ใช่เพียงเรื่องของความสะดวก แต่เป็นมาตรการสำคัญในการรักษาคุณภาพวัตถุดิบและป้องกันความเสี่ยงด้านสุขอนามัย การติดตั้งเครื่องลดความชื้นอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโรงงานผลิตอาหารที่ต้องการมาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัยและสม่ำเสมอ